www.Stats.in.th Livescore.in

GREANFOOTBALLS.com

มุมมืด "มิโลวาน ราเยวัช" ที่แฟนบอลไทยต้องรู้

By Tomorrow_sunday | May 2, 2017
หลังจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศแต่งตั้ง "มิโลวาน ราเยวัช" กุนซือชาวเซอร์เบีย วัย 63 ปีที่มีโปรไฟล์สุดหรูด้วยการพาทีมชาติกานา ทะลุงเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนถูกปล้นชัยจากหัตถ์พระเจ้าของ "หลุยส์ ซัวเรซ" ในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศ แอฟริกาใต้

ซึ่งทาง วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคสมาคมฯ หรือ "เสือกระดาษ" ที่ "โค้ชซิโก้" อดีตกุนซือทีมชาติได้ออกมานิยามการถึงการทำหน้าที่ของ “โค้ชเฮง” ไว้นั้น ได้เปิดเผยถึงเหตุผลที่เลือกกุนซือชาวเซิร์บรายนี้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพช้างศึกคนใหม่ว่า เป็นเพราะความตั้งใจจริงที่จะมาคุมทีมชาติไทยของเจ้าตัวตั้งแต่การที่เลือกบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเสนอโปรถึงที่ทำการสมาคม การเข้าไปนั่งชมเกมไทยลีกเพื่อศึกษาฟุตบอลไทยแบบติดขอบสนามแทนที่จะเลือกนอนดูทีวีอยู่บ้าน

และอีกข้อสำคัญก็คือผลงานกับขุนพลทัพ "ช้างดำ" ดังที่กล่าวมาข้างต้น และถือเป็ยผลงานระดับมาสเตอร์พีชของเจ้าตัวอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าทุกข้อที่กล่าวมานั้นตรงตามเงื่อนไขที่ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตั้งไว้ทุกข้อจึงไม่แปลกที่ เฮดโค้ชวัย 63 ปีจะเบียดเข้าป้ายคว้าตำแหน่งแม่ทัพช้างศึกจากผู้ท้าชิงตำแหน่งรายอื่นๆมาได้แบบไม่มีพลิกโผ แต่มนุษย์นั้นก็เหมือนดั่งเหรียญที่ย่อมมีสองด้าน ที่มีทั้งด้านดี และด้านไม่ดี ซึ่งอีกแง่มุมหนึ่งของกุนซือรายนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แฟนบอลชาวไทยควรรู้ไว้เช่นกัน 

 - ภาษา 

สำหรับ "มิโลวาน ราเยวัช" อย่างที่รู้กันคือเขาเป็นชาวเซิร์บ ซึ่งทำให้ภาษาที่ใช้คงหนีไม่พ้นภาษาเซอร์เบียอย่างแน่นอน โดยเมื่อครั้นสมัยที่เป็นแม่ทัพของทีม "ดาวดำ" ทีมชาติกาน่า หรือ "จิ้งจอกทะเลทราย" ทีมชาติแอลจีเรีย ก็มักให้สัมภาษณ์กับสื่อผ่านล่าม และหากดูจากจุดนี้ก็เหมือนไม่เป็นปัญหาอะไรหาล่ามมาก็จบ แต่หากว่าล่ามคนนั้นจำเป็นจะต้องเข้าใจอย่างน้อยๆก็ถึง 3 ภาษาด้วยกันนั้นคือ เซอร์เบีย - อังกฤษ - ไทย ซึ่ง ณ จุดนี้จะมีสักกี่คนที่ทำได้ อีกทั้งยังต้องเข้าใจถึงศัพท์เทคนิคและแทคติกของฟุตบอล เพื่อสื่อสารให้สต๊าฟโค้ช นักฟุตบอล ได้เข้าใจ เพราะหากพลาดหรือตกหล่นก็อาจส่งผลต่อความเข้าใจของทั้งสองฝ่ายที่มีต่อกันได้

- ระบบการเล่น

เรื่องต่อมาคือ ระบบการเล่น สำหรับแม่ทัพช้างศึกรายใหม่นี่ถนัดการใช้งานในระบบ 4-2-3-1 โดยมีแผงหลัง 4 คน มิดฟิลด์ตัวรับสองคน ปีกสองฝั่ง มีกองหน้าตัวต่ำ และกองหน้าตัวเป้า ซึ่งงแตกต่างจากยุคของ “โค้ชซิโก้” ที่ส่วนใหญ่มักยึดในระบบ 4-3-3 โดยผลงานถูกสื่อและแฟนบอลวิพากษ์วิจารณ์ของ "ราเยวัช" ก็คือการแข่งขันในศึกฟุตบอลโลก 2010 ทีประเทศแอฟริกาใต้ ในเกมนัดที่ 2 กับทีมชาติ ออสเตรเลีย ซึงในเวลานั้นทัพซอคเกอร์รูส์ เหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนโดย แฮร์รี่ คีเวลล์ แข้งตัวสำคัญไปโดนใบแดงถูกไล่ออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 24 โดยเวลานั้นสกอร์เสมอกันอยู่ที่ 1-1 แต่ทางกุนซือรายนี้กลับไม่มีการแก้ไขใดๆทางแทคติกทั้งสิ้น โดยแนวรับทีมจิงโจ้สามารถตัด "อซาโมอาห์ กียาน" ออกจากเกมตลอดการแข่งขัน 90 นาที โดยไม่มีการแก้ไขทางแทคติกด้วยการส่งกองหน้าหรือตัวรุกเพิ่มแต่อย่างใด

นอกจากนี้ค่าเฉลี่ยการทำประตูของทัพ "ช้างดำ" นั้นถือว่าค่อนข้างต่ำมาก เฉลี่ยหนึ่งประตูต่อหนึ่งเกมเพียงเท่านั้น ซึ่งหากไม่นับเกมที่เอาชนะชนะสหรัฐอเมริกาไปได้แบบฉิวเฉียดช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย รวมทั้งสถิติที่ทีมโดนนำก่อนแล้วกลับมาพลิกชนะนั้นหาได้ยากมากๆ จึงเป็นคำถามที่ย้อนไปที่ตัวประธานเทคนิคสมาคม ซึ่งเคยพูดเอาไว้ว่า ต้องการโค้ชที่เน้นการเล่นเกมรุก เพราะทีมชาติไทยนั้นเหมาะสมกับสไตล์การเล่นแบบนี้ ต้องมาดูว่า "ราเยวัช" จะแก้โจทย์ที่ติดตัวมาตรงนี้ได้หรือไม่??

- ดันแข้งดาวรุ่ง

แน่นอนว่าการให้โอกาสดาวรุ่ง หรือนักเตะหน้าใหม่ในการติดทีมชาติก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพียงแต่ว่าหากดันกันมากจนเกินควร ก็อาจส่งผลกระทบต่อบรรดาแข้งแกนหลัก และฟอร์มการเล่นของทีม โดยในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ทางโค้ชราเยวัช ได้รับคำชื่มชมอยู่ไม่น้อยกับการสร้าง อังเดร อายิว , เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง และ โดมินิค อาดิเยียห์ หัวหอกของทีมสวาทแคทในปัจจุบัน ในการก้าวขึ้นมาติดทีมจนสร้างผลงานได้ดี แต่ถึงยังงั้นก็ยังมีข่าวว่ากุนซือรายนี้มักมีปัญหากับแข้งซีเนียร์อย่าง มิคาเอล เอสเซียง , อซาโมอาห์ กียาน และ ซัลลี่ย์ มุนตารี่ โดยเฉพาะรายหลังที่ถึงขนาดตัดชื่อออกจากแคมป์  และไม่ขอร่วมงานด้วย เพียงเพราะเจ้าตัวร้องขอโอกาศในการลงสนาม จนท้ายที่สุดกลายเป็นเนื้อร้ายปัญหาใหญ่ไม่จบไม่สินจนทำให้เขานั่งเก้าอี้กุนซือของที่ไหนๆได้ไม่นาน

- เหตุการณ์ในห้องแต่งตัวที่แอลจีเรีย

มิโลวาน ราเยวัช มีช่วงเวลากับสั้นๆกับทีมชาติ แอลจีเรีย เมื่อไม่นานมานี้หลังรับตำแหน่งอยู่ประมาณ 3 เดือนด้วยกัน มีเกมกับทีม “จิ้งจอกทะเลทราย” ไปเพียงแค่สองเกมคือ เกมถล่มทีมชาติเลโซโท เละเทะ 6-0 ในรอบคัดเลือกแอฟริกัน เนชั่นส์คัพ 2017 ที่กาบอง ก่อนมาเสมอกับ แคมเมอรูน 1-1ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งไอ้เกมนี้แหละที่เป็นประเด็นแตกหักทำให้กุนซือวัย 63 ปีต้องเก็บเข้าของย้ายมาเสนอโปรไฟล์ถึงเมืองไทย โดยสื่อแอลจีเรียเปิดเผยว่า หลังจบเกมที่เสมอกับแคมเมอรูน ทางราเยวัช มีการโต้เถียงกับนักเตะในห้องแต่งตัวอย่างรุนแรง กับ 2 แข้งตัวสำคัญอย่าง ยาซีน บราฮิมี่ (ปอร์โต้) และ โซฟิยาน เฟกฮูลี่ (เวสต์แฮม) จากการสันนิษฐานของสื่อ

ส่วนชนวนเหตุที่นำไปสู่การแตกหัก คือการไม่ส่งทั้งคู่ลงเป็นตัวจริงในเกมดังกล่าว อีกทั้งมีข่าวว่ามีการ ปารองเท้าสตั๊ดใส่ใบหน้าของ ราเยวัช แม้จะมีการเกลี้ยกล่อมจากนายกสมาคมฟุตบอลแอลจีเรีย แต่ทุกอย่างไร้ผล เมื่อห้องแต่งตัวพังพินาศ ก็ป่วยการที่กุนซือรายนี้จะอยู่ต่อ วันรุ่งขึ้นเจ้าตัวจึงตัดสินใจออกจากแอลจีเรีย และตกงานนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

จากเหตุผลทั้ง 4 ข้อจะเห็นได้ว่า "มิโลวาน ราเยวัช" กุนซือหน้าขรึมรายนี้เป็นประเภทยอมหักไม่ยอมงอ อีกทั้งมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำจัดว่าสูง ซึ่งต้องมาดูกันว่าแกมีความพร้อมและการจัดการปัญหาและวิธีการรับมือกับสารพัดสิ่งในแดนสยามเมืองยิ้มอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับ สมาคมฯ , สโมสรฟุตบอล , นักฟุตบอล , แฟนบอล , โค้ชคีย์บอร์ด และความไม่พร้อมของเมืองไทยนี้อย่างไร แน่นอนว่าผลงานเก่าๆ แทคติกกับกึ๋นของเจ้าตัวแน่นอนว่าคงไม่มีใครเถียง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในแคมป์ทีมชาติทั้ง กาน่า และแอลจีเรีย นั้นคงไม่ใช่เรื่องของเวรกรรมหรือบุพเพสันนิวาสอย่างแน่นอน ที่หยิบกล่าวมาทั้งหมดเพียงแค่อยากนำเสนอให้เห็นถึงอีกหนึ่งมุมหนึ่งของด้านมืด นายใหญ่ช้างศึกคนใหม่รายนี้ ไม่ตั้งใจที่จะมาดิสเครดิตหรืออย่างไร เพียงแต่อยากให้รู้ไว้ว่ามัน......น่ากลัวมาก?!

Comments

There are no comments

Posting comments after three months has been disabled.
Livescore.in