​อดีตปธ.เอฟเอ รับ สิงโตนัดอุ่นไทยแลกเสียงโหวตเจ้าภาพ

อดีตประธานเอฟเอยอมรับวางแผนอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทยเพื่อแลกเสียงโหวตจัดบอลโลก 2018 ผ่านรายงานสอบทุจริตที่ฟีฟ่านำมาเปิดเผย

สหพันธ์ลูกหนังนานาชาติ นำรายงานสอบสวนฉบับเต็มของ ไมเคิล การ์เซีย นักกฎหมายชาวอเมริกัน เกี่ยวกับปมคอร์รัปชันในการเลือกตั้งเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 โดยหนึ่งในนั้นระบุว่า ทีมชาติอังกฤษวางแผนเดินทางมาอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทยเพื่อแลกกับเสียงโหวต

เจฟฟ์ ธอมป์สัน อดีตประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ยอมรับผ่านรายงานฉบับนี้ว่า เขาตกลงกับ วรวีร์ มะกูดี อดีตคณะกรรมการบริหารของฟีฟ่า(ExCo)และอดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก่อนวันเลือกตั้งในเดือนธันวาคมปี 2010 เพียง 8 วันว่า เขาจะนำทีมสิงโตคำรามมาเตะกระชับมิตรกับทีมช้างศึกในเดือนมิถุนายนปี 2011 เพื่อแลกกับเสียงโหวตเป็นเจ้าภาพบอลโลก ปี 2018

ขณะเดียวกัน เอฟเอยังยอมรับข้อเสนอจากวรวีร์ที่ขอเก็บค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเกมคู่นี้จากทุกที่ยกเว้นในสหราชอาณาจักร พร้อมทั้งยอมเสียเงินค่าใช้จ่ายก้อนโตกับการนำทีมชาติอังกฤษมาเตะที่ประเทศไทยด้วย แต่อย่างไรก็ดี สุดท้ายวรวีร์กลับลงคะแนนเลือกสเปนกับโปรตุเกส อังกฤษที่แพ้เลือกตั้งจึงตัดสินใจยกเลิกแผนเยือนไทยใน 3 สัปดาห์ต่อมาทันที

โดยธอมป์สันเปิดใจกับการ์เซียผ่านรายงานนี้ว่า เขาคิดว่าการจัดเกมอุ่นเครื่องกับประเทศตัวแทนของสมาชิก ExCo เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม พร้อมระบุว่ามันคือการติดสินบนรูปแบบหนึ่ง ส่วน วรวีร์ มะกูดี ถูกสหพันธ์ลูกหนังนานาชาติสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลเป็นเวลา 5 ปี ในปี 2016

ไมเคิล การ์เซีย เป็นนักกฎหมายอิสระที่ฟีฟ่ามอบหมายให้เข้ามาตรวจสอบการทุจริตภายในองค์กรหลังถูกกดดันอย่างหนักเรื่องความไม่โปร่งใสโดยเฉพาะจากสปอนเซอร์รายใหญ่ ๆ ซึ่งผลการสืบสวนก็ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในองค์กรต้องหลุดจากตำแหน่ง, ถูกแบนจากฟุตบอล รวมไปถึงถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย แม้แต่ เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่าเองก็ต้องหลุดจากตำแหน่งในที่สุด และแทนที่โดย จานนี อินฟานติโน ประธานคนปัจจุบัน