เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ค ชายผู้ตัดสายสะดือRVP ชื่อว่าของโรบิน ฟาน เฟอร์ซี่ กลายเป็นท็อปสตาร์ระดับโลก หลังขยับตัวเองจากปีกซ้ายธรรมชาติขึ้นมาเป็นกองหน้าคนสำคัญของทีมชาติฮอลแลนด์ ซึ่งมันมาจากการผลักดันของอาร์แซน เวนเกอร์ เมื่อครั้งโลดแล่นให้อาร์เซน่อล ก่อนจะย้ายหยิบโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีกให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนโดนแฟนบอลเดอะ กันเนอร์ส ด่ายับเยิน โทษฐานทิ้งทีมไปอยู่กับคู่ปรับสำคัญ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้กันหนักว่า ไอ้หนุ่มก้านยาวจากเมืองร็อตเตอร์ดัมรายนี้ มีโอกาสสวมสตั๊ดลงเล่นบอลอาชีพครั้งแรก กับเฟเยนูร์ด ในขณะที่อายุ 17 ปี เมื่อปี 2001 เพราะโค้ชที่ชื่อว่าเบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ค กุนซือทีมชาติยูเออีคนปัจจุบันที่ทำทีมบุกมาแพ้ไทย ในเกมคัดบอลโลกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ในตอนทำเฟเยนูร์ด ฟาน มาร์ไวจ์ค ขาดแคลนผู้เล่นในตำแหน่งปีกซ้ายและด้วยรูปร่างที่สูงของ RVP ในเวลานั้นก็ดีพอในการลงเล่นทีมชุดใหญ่ เขาลงเล่นรวมทุกรายการ 17 เกมในปี 2001-02 แม้จะทำประตูไม่ได้ แต่ก็มีส่วนรวมในเกมนัดชิงยูฟ่า คัพ 2002 ชุดที่ชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 3-2 ซึ่งหลังจบฤดูกาล สมาคมฟุตบอลฮอลแลนด์ หรือ KNVB มอบรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมให้แก่เขา หลังมีส่วนร่วมในปีแรกในฐานะดาวรุ่งปีที่ 2 ซีซั่น 2002-03 มาร์ไวจ์ค มอบโอกาสให้ RVP ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง จนระเบิดฟอร์มยิงไป 16 ประตูรวมทุกรายการ จากการลงสนาม 28 ตลอดทั้งซีซั่น แม้ทีมจะไม่ได้แชมป์ลีก จบเป็นอันดับ 3 และอยู่ในร่มเงาของพีเอสวี และไอแอกซ์ แต่ชายที่ชื่อ โรบิน ฟาน เฟอร์ซี่ กลับช่วยเซฟเก้าอี้กุนซือผู้ที่ตัดสายสะดือได้โม่แข้งชีวิตฟุตบอลได้ทำงานในถิ่นร็อตเตอร์ดัมต่อไป อย่างไรก็ดีปีถัดมา 2003-04 ชีวิตที่หอมหวานระหว่าง ฟาน เฟอร์ซี่ และ ฟาน มาร์ไวจ์ค กลับไม่หอมหวาน เมื่อเข้าโดนดร็อปจากการเป็นตัวจริงเล่นไม่เข้ากลับแท็คติกกุนซือผู้ปลุกปั้นตัวเอง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องวินัยมาซ้อมกับทีมสาย นั้นจึงทำให้ประสิทธิภาพการเล่นต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เขายิงได้แค่ 6 ลูกจากการลงเล่น 33 เกมเท่านั้น ทีมล้มเหลวไร้แชมป์ 2 ปีติด ฟาน มาร์ไวจ์ค โดนยกเลิกสัญญาเมื่อจบฤดูกาล ส่วนฟาน เฟอร์ซี่ ถูกขายให้อาร์เซน่อล ในราคา 2.75 ล้านปอนด์ โดยที่เขาจะไปเป็นตัวตายตัวแทน ของเดนนิส เบิร์กแคมป์ ก่อนจะได้สวมเสื้อเบอร์ 10 ในเวลาต่อมา แม้จุดจบของ ฟาน เฟอร์ซี่ และ ฟาน มาร์ไวจ์ค จะไม่สวยงามเท่าไหร่หนักกับเฟเยนูร์ด แต่ปฏิเสธไม่ได้หลอกว่า หากปราศจาก พี่เบิร์ต RVP คงไม่ก้าวมาไกลเป็นนักเตะชื่อดังในพรีเมียร์ลีกแน่ๆ
Comments
There are no comments