สิ่งทีชี้นำให้ผมคิดเช่นนี้ก็มาจาก “ผลงาน” ของทีมสโมสรจาก “วีลีก” ของ เวียดนาม ที่ได้สิทธิ์จากเอเอฟซี 1+1 ทีม
ซึ่งก็คือ 1 ทีมผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเลยและอีก 1 ทีมลงเล่นในรอบเพลย์ออฟ
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้ “วีลีก” ของเวียดนามได้โควตาเช่นนี้ ก็มาจากการที่เอเอฟซีนั้น มีกฏที่ใช้ประเมินให้
สิทธิ์ด้วยการพิจารณาความพร้อมในด้านต่างๆ
รวมถึงผลงานในระดับทีมชาติและสโมสรของชาติสมาชิกทั้งหมด ก่อนจะคิดออกมาเป็นคะแนน ซึ่งชาติสมาชิก 12 อันดับแรกจาก
“โซนตะวันตก” หรือกลุ่มประเทศที่อยู่ทางซีกซ้ายของอินเดีย
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาติอาหรับ และ 12 อันดับแรกจาก ”โซนตะวันออก” หรือประเทศทางซีกขวานับตั้งแต่อินเดียเป็นต้นมา
ถึงจะได้สิทธิ์มีตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขัน “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก”
รวมถึงตลอดหลายปีที่ผ่านมาสโมสรจาก “วีลีก”เอง ก็ไม่ได้แสดงศักยภาพให้เห็นเลย ว่าสามารถยกระดับขึ้นมา
เทียบเคียงกับการเล่นในถ้วยสโมสรใหญ่สุดของทวีปเอเชียได้
แตกต่างจาก “ไทยพรีเมียร์ลีก” ที่มีทีมอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นขาประจำของถ้วยใบนี้ และพวกเขาก็ได้
แสดงฝีไม้ลายมือพิสูจน์ตัวเองให้ทั่วทั้งทวีปได้เห็นมาแล้ว
ด้วยเหตุนี้เองผมจึงไม่เห็นด้วยที่ตัวแทนจาก “วีลีก” จะได้สิทธิ์อัตโนมัติเลย 1 ทีม และคิดว่าควรจะได้สิทธิ์
ในรอบเพลย์ออฟเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่ามีศักยภาพที่พร้อมเสียก่อน
เนื่องจากหากทีมที่ยังมีคุณภาพและมาตรฐานไม่ถึงขั้นต้องมาเจอกับยอดทีมชั้นนำของทวีปเอเชียมันจะทำให้เกิด
“ความต่างชั้น” หรือที่เรียกว่า “เอาท์คลาส” ในภาษาฝรั่งเกิดขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ความเข้มข้นของเกมการแข่งขันลดลงจนไม่สมศักดิ์ศรีถ้วยสโมสรใบใหญ่ที่สุดของทวีปที่มี
ฐานะเทียบเท่ากับ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” เลยทีเดียว
และสิ่งที่ผมคาดคิดไว้ก็เป็นจริง...
เมื่อตัวแทนจาก “วีลีก” ของเวียดนามแสดงให้เห็นว่าศักยภาพของพวกเขานั้นยังไม่พร้อมสำหรับถ้วยสโมสรใบใหญ่
ที่สุดของทวีปเอเชียเช่นนี้จนทำให้เกิด “ความต่างชั้น” ขึ้น
ตั้งแต่รอบเพลย์ออฟที่ ทีแอนด์ที ฮานอย บุกไปแพ้ เอฟซี โซล ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ 7 – 0 กระเด็นตกรอบและการพ่ายแพ้ 2 นัดรวด
ใน “กลุ่มอี” ของ เบคาเม็กซ์ บิน เดือง ตัวแทนจาก “วีลีก” ที่ได้สิทธิ์อัตโนมัติในรอบสุดท้าย ทั้งการพ่ายแพ้คาบ้านต่อ ชานดง
ลู่เหนิง 2 – 3 และบุกไปแพ้ คาชิว่า เรย์โซล 5 – 1 ชนิดสู้ไม่ได้จนครองบ๊วยของกลุ่ม ณ ขณะนี้
ฉะนั้น! มันจึงเป็นการให้สิทธิ์ที่ผิดพลาดของเอเอฟซี ที่เลือกหยิบยกโอกาสให้กับตัวแทนสโมสรจากเวียดนาม แบบอัตโนมัติเลยทันที
เพียงแค่คะแนนผ่าน “เกณฑ์” ที่ตั้งไว้
โดยไม่ได้ดูจากความเป็นจริง จนทำให้ความเข้มข้นของการแข่งขันฟุตบอลรายการสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชียขาด
ความเข้มข้นลงไปเลย 1 กลุ่มอย่างน่าเสียดาย
Comments
There are no comments