​สมาคมฟุตบอล ประกาศผลต้นแบบโลโก้ใหม่ทีมชาติไทย

จากการที่สมาคมฯมีความประสงค์ที่จะออกแบบสัญลักษณ์ภายใต้แนวคิด “ช้างศึก” จึงได้เปิดโอกาสให้แฟนบอลและบุคคลทั่วไปนำเสนอไอเดียทั้งในแบบเต็มตัวและบางส่วน ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ถึง 30 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งได้มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดมากกว่า 1,000 ชิ้น

ซึ่งทางสมาคมฯก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ ประกอบด้วย อาจารย์ปัญญา วิจินธนสาร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ประจำปี 2557, นาย ประสพโชค ธนะเศรษฐวิไล ผู้ออกแบบงานสร้างและกำกับศิลป์ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, นายศรัณย์ บุลสุข รองประธานบริษัท แพลน บี อีเลฟเว่น จำกัด, นาย วรทิตย์ เครือวาณิชกิจ ผู้ก่อตั้งบริษัท ฟาร์มกรุ๊ป และกราฟิคดีไซเนอร์ผู้ออกแบบสัญลักษณ์ไทยลีก และ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ จนได้ 5 แบบที่ผ่านการคัดเลือกให้แฟนบอลเลือกโหวตเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยพิจารณาจากความสวยงาม, ความร่วมสมัย และความคิดสร้างสรรค์ และเป็นผลงานของ นายต่อพงศ์ บูรณพิเชษฐ์ ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากความเห็นของคณะกรรมการ รวมถึงผลการโหวตจากทางออนไลน์แบบเปิด ที่แฟนบอลโหวตให้ 42 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน

ส่วนรางวัลชมเชยจากคณะกรรมการฯ 2 รางวัลตกเป็นของ นายพิสุทธิ์ กองกิจ และ Mr. Adiet Firmansyah โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัล 100,000 บาท และรางวัลชมเชย 2 รางวัลๆ ละ 30,000 บาท

ทั้งนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯจะเปิดรับขอร้องเรียน กรณีสัญลักษณ์ทีมชาติไทยทั้ง 3 แบบมีการลอกเลียนแบบ คล้ายคลึง หรือดัดแปลงมาจากสัญลักษณ์ของผู้อื่น ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสับสนในความเป็นเจ้าของได้  โดยผู้ร้องเรียนสามารถส่งหนังสือร้องเรียนมาได้ที่ info@fathailand.org ภายในระยะเวลา 15 วัน นับจากวันที่ประกาศ ซึ่งหากไม่มีการร้องเรียนดังกล่าว ทางสมาคมฯจะทำการเชิญผู้ชนะทั้ง 3 ท่านเพื่อทำการมอบรางวัล และเซ็นสัญญามอบสิทธิ์ให้เป็นของสมาคมฯ รวมถึงหารือถึงการพัฒนาจนสมบูรณ์เพื่อนำไปใช้งานในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทีมชาติไทยต่อไป

สำหรับตราพระมหาพิชัยมงกุฎ หรือตราพระมหามงกุฎ ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) มาตั้งแต่ พ.ศ. 2458 ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ปรึกษากับผู้ทรงคุณวุฒิที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งต่างก็ลงความเห็นว่าสมควรจะใช้เฉพาะในโอกาสสำคัญ และอยู่ในจุดที่สูงส่งสง่างามเพื่อความสมเกียรติเท่านั้น

 ทั้งนี้จากการที่ทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งทางฟีฟ่าได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่าชาติสมาชิกจะต้องยินยอมให้ฝ่ายจัดการแข่งขันสามารถนำตราสัญลักษณ์ทีมชาติไปใช้โปรโมตการแข่งขันได้ทันที ทำให้ทางสมาคมฯเล็งเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควร หากเกิดกรณีที่ตราพระมงกุฎถูกนำไปวางไว้ในตำแหน่งอันไม่เหมาะสม